How to มูฟออนกับการจากไป ใช้ชีวิตอย่างไรให้ใจไม่เสียศูนย์

How to มูฟออนกับการจากไป ใช้ชีวิตอย่างไรให้ใจไม่เสียศูนย์ />

06/03/2021

ทั่วไป

How to มูฟออนกับการจากไป ใช้ชีวิตอย่างไรให้ใจไม่เสียศูนย์

การจากลาเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่สามารถปฏิเสธได้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่หรือมีสถานะแบบไหนในสังคม เพราะการสูญเสียเป็นช่วงเวลาที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่อาจจะผ่านมันไปได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียที่ทำใจยอมรับมาเป็นอย่างดี หรือการสูญเสียอย่างกระทันหันก็ตาม ซึ่งสภาวะอารมณ์ของความเศร้า และการที่เรายังทำใจไม่ได้นี่เอง ที่ถือได้ว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงจนอาจจะทำให้เราประสบกับผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่จะตามมาได้อีกมากมาย เช่น  การนำพาไปสู่อาการป่วยทางด้านร่างกาย และจิตใจ ตลอดจนการคิดสั้นทำร้ายตัวเอง เป็นต้น

สารบัญ


และแน่นอนว่าในปัจจุบันก็มีผู้คนในสังคมที่ประสบปัญหา และช่วงเวลาที่ยากลำบาก อันเกิดมาจากความสูญเสียมากมาย ดังนั้นในวันนี้เราจะนำเอาเทคนิคในการมูฟออนจากความสูญเสีย เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขมาแนะนำให้กับทุกคนได้ลองไปทำตามกัน เพื่อที่เราจะสามารถมีพลังกาย และพลังใจ ในการก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิตนี้ไปได้อย่างมีความสุข

emotionally lost

ทำความเข้าใจกับภาวะอารมณ์ของตัวเอง

การพยายามใช้เวลาอยู่กับตัวเอง คิด และไตร่ตรอง รวมทั้งพยายามเข้าใจสภาวะทางอารมณ์ของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่นักจิตวิทยาแนะนำ และมันก็ยังเป็นหลักการเดียวกันกับหลักคำสอนทางพุทธศาสนาที่มักจะสอนให้เราตื่นรู้อยู่เสมอ ซึ่งวิธีการง่าย ๆ ที่จะทำให้เราสามารถเข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ของเราก็คือ แบ่งห้วงอารมณ์ออกเป็น 5 ระยะ ได้แก่ ระยะปฏิเสธความจริง, ระยะโกรธ, ระยะต่อรองกับความสูญเสีย, ระยะซึมเศร้า, และระยะยอมรับความจริง ซึ่งการทำความเข้าใจว่าตัวเราเองกำลังมีอารมณ์อยู่ในระยะไหนแล้วนั้นจะช่วยให้เราสามารถรับมือและจัดการกับปัญหาทางอารมณ์ได้ง่ายมากขึ้น

ควรตระหนักว่าชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ อย่าสิ้นหวัง

ให้เวลากับตัวเองปล่อยวางตามคำตรัสของพระพุทธเจ้า ให้เวลาเยียวยาตัวคุณเองมันสำคัญมากนะสิ่งที่คุณจะต้องบอกตัวเองซ้ำๆไปมาว่าชีวิตของคุณสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ถึงแม้จะสูญเสียคนสำคัญหรือคนที่เรารักไม่ว่าจะรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างมันหายไปมากแค่ไหน แต่การก้าวออกจากความรู้สึกเศร้าเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่คือวิถีแห่งคนเข้มแข็ง พาตัวเองออกไปเจอสิ่งใหม่ๆ หรือเรื่องตื่นเต้นท้าทายรออยู่

ปล่อยวางและเลิกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อาจจะดูเป็นเรื่องที่ยากและโหดร้ายที่จะให้เราลืมการสูญเสียของบุคคลผู้เป็นที่รักไปอย่างง่ายดาย แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นการเลือกที่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความทุกข์และคิดซ้ำไปซ้ำมาถึงเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจเหล่านั้นเป็นเวลานาน นอกจากจะไม่ใช่วิธีแสดงอาลัยต่อผู้ที่จากไปแล้วนั้นมันก็ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำร้ายตัวเราเองด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องปล่อยวางและมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้เป็นธรรมชาติ ไม่ยึดติด ในเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ให้ยอมรับและก้าวเดินต่อไปในขณะที่ยังคงเก็บบุคคลอันเป็นที่รักเอาไว้ในความทรงจำที่สวยงามได้เสมอ

ให้เวลากับการพักผ่อนและทำกิจกรรมเข้าสังคม

ในระยะที่จิตใจของเราอาจจะรู้สึกเศร้าและเหนื่อยเหลือเกิน วิธีการเยียวยาที่ได้ผลดีที่สุดนั่นก็คือการพักผ่อน เราอาจจะปล่อยให้ตัวเองมีเวลาสัก 10-15 นาทีในการนั่งนิ่ง ๆ และปล่อยให้ตัวเองได้ดื่มดำกับบรรยากาศของสายลมหรือแสงแดดโดยที่ไม่ต้องกดดันตัวเองว่าควรจะต้องทำอะไร จากนั้นก็ลองลุกออกจากกรอบของความเศร้าและเริ่มที่จะออกไปพบปะผู้คนหรือนัดเพื่อนมาที่บ้านเพื่อพูดคุยทานข้าวกันบ้าง เพราะในบางครั้งการที่เราได้พูดคุยหรือระบายความรู้สึกบางอย่างออกไปมันก็จะทำให้เรารู้สึกว่าบนโลกใบนี้ยังคงมีคนที่อยู่ข้างกายเสมอนั่นเอง

เลือกกิจกรรมที่ชอบกีฬาที่ใช่

จัดระบบการใช้ชีวิตด้วยการวางแพลนหรือจดบันทึก

เพราะในช่วงแรกของการสูญเสียแน่นอนว่ามีหลายคนที่ไม่อาจจะทำใจยอมรับและใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนไปกับการร้องไห้หรือตั้งคำถามมากมายในหัวจนไม่อยากที่จะทำอะไร ไม่อยากกิน ไม่อยากนอน ไม่อยากทำงาน ตลอดจนไม่อยากที่จะใช้ชีวิตในแบบที่เคยทำ ดังนั้นการตั้งสติและกลับมาจัดการระเบียบในเรื่องของชีวิตประจำวันอีกครั้งก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ไม่ทำให้เราเสียหลักในการใช้ชีวิตนั่นเอง ซึ่งในระยะเริ่มต้นเราอาจจะไม่ต้องวางแพลนที่จริงจังมากนัก แต่เริ่มจากการกำหนดว่าวันนี้เราอยากจะทำอะไร เช่น วันนี้จะดูหนังให้จบ 1 เรื่อง หรือ วันนี้เราจะรดน้ำต้นไม้ให้เสร็จ ก็ได้

ปรึกษาแพทย์หากยากเกินรับไหว

วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึง แต่รู้หรือไม่ว่าการพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็นแพทย์ทางด้านจิตเวชหรืออื่น ๆ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะในบางครั้งการได้ปรึกษาและมีโอกาสได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงก็จะทำให้เราเข้าใจสภาวะทางอารมรมณ์ที่เกิดขึ้นและจัดการกับมันได้ดีมากทีเดียว โดยในปัจจุบันช่องทางในการเข้าถึงการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านนี้โดยตรงนั้นก็มีความสะดวกสบายและเข้าถึงได้ง่ายกว่าในสมัยก่อนค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะผ่านช่องทางออนไลน์หรือการเข้าไปที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง ดังนั้นหากเราสังเกตตัวเองแล้วว่าสิ่งที่เรากำลังเป็นอยู่นี้เกินความสามารถที่ตัวเองหรือคนรอบข้างจะจัดการได้การเข้าไปพบแพทย์ก็เป็นวิธีหนึ่งที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปทำกันดู

และสุดท้ายไม่ว่าทุกคนจะสามารถเอาชนะความสูญเสียนั้นได้ช้าหรือเร็ว ก็ขอให้ทุกคนอย่ายอมแพ้เพราะจิตใจของเราเป็นสิ่งที่สำคัญซึ่งเราควรจะให้ความสำคัญ และการสูญเสียก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงและไม่สามารถควบคุมมันให้เกิดหรือหายไปได้ดั่งใจ ดังนั้นเราขอเป็นหนึ่งกำลังใจเล็ก ๆ และขออวยพรให้ทุกคนสามารถมูฟออนกับความสูญเสียและใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขได้ในเร็ววัน

สรุปใช้ชีวิตอย่างไรให้ใจไม่เสียศูนย์

การจากลาเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่สามารถปฏิเสธได้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่หรือมีสถานะแบบไหนในสังคม หนึ่งสิ่งที่ทุกชีวิตต้องเจอคือคุณต้องทำใจยอมรับว่าคนที่อยู่ข้างๆ ต้องจากกันในวันหนึ่ง ไม่ว่าการจากลานั้นจะจากเป็นหรือจากตาย เพราะชีวิตกะเกณฑ์ไม่ได้ และความแน่นอนคือความไม่แน่นอน แล้วมันมีทางไหนไหมนะที่ทำให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับการจากลาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว อย่างน้อยก็ทำให้ใจที่แตกสลายนั้นฟื้นกลับคืนมาเหมือนเดิมก็ยังดี อย่าลืมว่าคุณก็เป็นคนสำคัญสำหรับคนอื่นๆ เช่นกัน อย่างน้อยก็สำคัญกับตัวคุณเอง